Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

เมื่อผู้ผลิตรถ EV จีน รถไฟฟ้าโชว์ซ้อนรถ 7 คัน เพื่อสาธิตความทนทานของตัวถัง


เมื่อผู้ผลิตรถ EV จีน รถไฟฟ้าโชว์ซ้อนรถ 7 คัน เพื่อสาธิตความทนทานของตัวถัง

ไม่รู้สินะสินค้าจีนหลายๆอย่างเวลาซื้อมาก็ดูดีแต่เวลาใช้ไปๆมักจะพังก่อนอายุขัยแต่ก็อย่างว่าแล้วนะครับรถยนต์รถไฟฟ้าก็ลองเลือกดูดีๆก็แล้วกันที่ไม่ดีมันก็ขึ้นอยู่กับคนขับคนใช้ที่จะเป็นคนตัดสินเอง

ขึ้นชื่อว่ารถยนต์ที่ผลิตจากจีน หลายคนคงสงสัยเรื่องความทนทานว่าจะสู้รถยนต์จากญี่ปุ่นหรือยุโรปได้หรือไม่ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนรายหนึ่ง ตัดสินใจโชว์ความแข็งแกร่งของตัวถังรถยนต์ของพวกเขา ด้วยวิธีที่สุดโต่งแบบนี้

Chery ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ใช้วิธีที่ไม่เหมือนใครในการโปรโมต Chery eQ7 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของพวกเขา ด้วยการสร้างหอคอยรถยนต์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวถังอะลูมิเนียมรถยนต์ของพวกเขามีความทนทานแค่ไหน


Chery eQ7 เปิดตัวสู่ตลาดจีนเมื่อเดือนที่แล้ว โดยถูกยกย่องว่ามีราคาที่คุ้มค่า ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ และประสิทธิภาพในการขับขี่ โดยมีระยะการวิ่งอยู่ที่ประมาณ 412-512 กิโลเมตร


แต่นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ eQ7 โดดเด่นกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในตลาด ดังนั้น Chery จึงตัดสินใจพุ่งเป้าไปที่การโปรโมตความแข็งแรงทนทานของตัวถังอะลูมิเนียม LFS ด้วยการวางซ้อนรถยนต์ถึง 7 ชั้น

อ้างอิงจากข้อมูลของสถาบันประกันภัยเพื่อความปลอดภัยบนทางหลวงระบุว่า “ยานพาหนะจะต้องสามารถรองรับน้ำหนักได้ 4 เท่า ของน้ำหนักตัวมันเอง เพื่อผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด”

Chery คิดว่านั่นยังไม่ดีพอ ดังนั้นเขาจึงวางรถ eQ7 จำนวน 7 คันซ้อนกัน พร้อมด้วยแท่นโลหะพิเศษที่วางอยู่ระหว่างรถเพื่อความปลอดภัย นั่นหมายความว่า รถ eQ7 ที่อยู่ด้านล่างสุด จะต้องรองรับน้ำหนักของ eQ7 อีก 6 คันที่อยู่ข้างบน


ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์หลายคนคิดว่า การแสดงที่น่าทึ่งเช่นนี้ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เพราะ Volvo เองก็เคยใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 รวมถึงในปี 2021 เมื่อพวกเขาโปรโมต Volvo XC60 ด้วยการวางซ้อนกัน 7 คันไม่ต่างกัน


แน่นอนว่า Chery ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบแนวคิดของ Volvo แต่สถานการณ์ค่อนข้างต่างกัน เนื่องจาก Volvo ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานอยู่แล้ว


แต่สำหรับรถไฟฟ้าของจีนยังมีผู้ขับขี่อีกมากที่สงสัยในเรื่องคุณภาพและความทนทาน ซึ่งการโปรโมตเช่นนี้อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่สนใจในรถไฟฟ้าของจีนมากขึ้นก็เป็นได้

รายการบล็อกของฉัน